1-รู้จักกับ Cloud concept และ Microsoft Azure

สวัสดีครับ 🙏 วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Cloud Computing แบบไวๆและเข้าใจง่ายกันครับ

☁ Cloud ก็คือก้อนเมฆใช่ไหมครับ

Cloud computing มีชื่อภาษาไทยว่า “การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ” ซึ่งเจ้าคลาวด์นี้ก็คือรูปแบบการให้บริการทรัพยากรและเครื่องมือต่างๆ ให้เราสามารถใช้งานได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งบริการเหล่านี้รวมถึงบริการเซิร์ฟเวอร์สำหรับรันแอปพลิเคชัน การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย และซอฟต์แวร์สำเร็จรูปต่างๆที่ให้บริการทำให้เราสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตได้

แล้วทำไมถึงเรียกว่า “การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ” ?? สาเหตุที่มีชื่อนี้ก็เพราะว่าเป็นการใช้งานระบบ ข้อมูล และการประมวลผลจากระยะไกลนั้นเอง โดยบริษัทที่ให้บริการคลาวด์จะทำระบบให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บไฟล์และแอปพลิเคชันบนเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกลนั่นเอง

โดยการใช้คลาวด์เป็นตัวเลือกยอดนิยมในปัจจุบันเลยทีเดียว นิยมทั้งแบบใช้งานรายบุคคลและด้านองค์กรอีกด้วย สาเหตุที่คลาวด์มันปังขนาดนี้ก็เพราะว่า มันช่วยให้เราประหยัดต้นทุน ได้ผลลัพธ์หรือผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยนั้นเอง

หากจะให้เข้าใจง่ายก็คือ เราเป็นผู้ใช้บริการ

ที่อยู่ของข้อมูลหรือแอปพลิเคชันที่ประมวลผลอยู่จะอยู่ที่ Data Center ซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก

ภาพจาก: https://www.dailyscandinavian.com/microsoft-looks-to-denmark/

ส่วนต่อมาครับ จะมีสิ่งที่เรียกว่า Deployment Models หรือรูปแบบโมเดลการให้บริการคลาวด์ครับ

Deployment Models

1.Public clouds คลาวด์สาธารณะเป็นระบบคลาวด์ที่ให้บริการบนเซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ดำเนินการโดยบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์ ซึ่งผู้ให้บริการคลาวด์จะจัดการและควบคุมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และโครงสร้างพื้นฐานทั่วไปทั้งหมด ซึ่งลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะเข้าถึงบริการผ่านแอคเคาท์ ซึ่งทุกคนจะสามารถเข้าถึงบริการต่างๆได้

2.Private clouds ระบบคลาวด์ที่มีความเป็นส่วนตัว สงวนไว้สำหรับลูกค้าบางกลุ่มที่เท่านั้น โดยปกติแล้วจะเป็นการใช้งานภายในธุรกิจหรือองค์กรนั้นๆ ศูนย์บริการข้อมูลของบริษัทหรือองค์กรนั้นๆจะเป็นผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งส่วนตัวในเครือข่ายส่วนตัว

3.Hybrid clouds ไฮบริดคลาวด์ คลาวด์ลูกผสมที่นำเอาข้อได้เปรียบของทั้ง Public clouds และ Private clouds มาใช้ร่วมกัน ซึ่งโมเดลประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยของผู้ใช้

ส่วนต่อมาเรามารู้จักกับประเภทของบริการแต่ละระดับของคลาวด์กัน

Cloud Computing เป็นระบบที่ประกอบด้วยสามบริการเป็นหลักนั่นคือ Infrastructure-as-a-service (IaaS) Software-as-a-service (SaaS) และ Platform-as-a-service (PaaS) แล้วเจ้าบริการทั้งสามนี้แตกต่างกันอย่างไร ให้เรามาสังเกตที่ภาพด้านล่างก่อนครับ

ภาพจาก: https://www.dataweavers.com/insights/defining-paas-iaas-saas-onprem

จากภาพนี้จะสรุปได้ว่าในบริการแต่ละระดับจะแตกต่างกันตรงที่ “หน้าที่ความรับผิดชอบของฝั่งผู้ใช้และผู้ให้บริการ” โดยจะเห็นได้ว่า Infrastructure-as-a-service (IaaS) จะเป็นระดับที่จะต้องใช้ทักษะในการจัดการเชิงเทคนิคมากที่สุด ผู้ใช้จะต้องจัดการในส่วนของระบบปฏิบัติการ มิดเดิลแวร์ รันไทม์เองทางผู้ให้บริการจะเป็นฝ่ายในการจัดเตรียมฮาร์ดแวร์ ส่วนของเครือข่าย และระบบ Virtualization ไว้ให้แล้ว ต่อมาในส่วนของ Platform-as-a-service (PaaS) จะเป็นส่วนที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนา โดยผู้ใช้จะมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงพัฒนาแอปพลิเคชันและจัดเตรียมข้อมูล ฐานข้อมูลต่างๆ ในส่วนของฮาร์ดแวร์ และระบบโครงสร้างพื้นฐานนี้ ทางผู้ให้บริการได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เราเพียงสร้า service บนหน้า portal หรือ CLI หรือช่องทางอื่นๆที่ผู้ให้บริการมีมาให้แล้วและนำแอปพลิเคชันหรือข้อมูลของเราไปรันไว้บนคลาวด์ได้เลย และส่วนสุดท้าย Software-as-a-service (SaaS) เป็นส่วนที่ผู้ใช้งานมีหน้าที่ใช้บริการอย่างเดียวเลย ส่วนของฮาร์ดแวร์และระบบหลับ้านอื่นๆทางผู้ให้บริการจัดเตียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เป็นการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่านทางออนไลน์ไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอร์ฟแวร์บนเครื่องผู้ใช้เลย แต่เอ๊ะ แล้วตัวแรกล่ะ คืออะไร On Premises อันนี้คือ IT Infrastructure ที่ตั้งอยู่ที่ไซต์ขององค์กรนั้นๆเองส่วนนี้จะไม่ใช่บริการที่อยู่บนคลาวด์ ส่วนนี้บริษัทหรือองค์กรจะต้องดูแลทั้งฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ของตนเองเลย

นิยามสั้นๆของแต่ละส่วน

  • Application โค้ดหรือชุดคำสั่งที่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใช้เพื่อทำงาน เช่น เว็บแอปพลิเคชันประมวลผลคำ โปรแกรมบัญชี หรือระบบจัดการข้อมูล

  • Data ข้อมูลต่างๆ สำหรับการประมวลผล ทั้งที่อยู่ในรูปของไฟล์ชนิดต่างๆ หรือข้อมูลในฐานข้อมูล

  • Runtime ส่วนที่ใช้ในการรันโปรแกรม

  • Middleware ซอฟต์แวร์กลางที่เชื่อม Client และ Server เข้าด้วยกัน อาจจะเชื่อม Server กับ Server ด้วยกันเองได้

  • OS ระบบปฏิบัติการที่ควบคุมการจัดสรรและการใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์

  • Virtualization การสร้างการจำลองเสมือนในเวอร์ชันเสมือน (แทนที่จะเป็นจริง) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เสมือน อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และทรัพยากรเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  • Server เครื่องแม่ข่ายหรืออคอมพิวเตอร์ที่ให้ทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน

  • Storage อุปกรณ์ที่สามารถเก็บข้อมูลเพื่อเรียกค้นในภายหลังได้

  • Networking หมวดหมู่ย่อยของเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีแอปเพื่อช่วยนักพัฒนาในด้านเครือข่ายในการสร้างแอป

Microsoft Azure แบบสั้นๆง่าย

Azure คือคลาวด์แพลตฟอร์มที่ให้บริการโดย Microsoft มีบริการคลาวด์มากกว่า 200 รายการ มีบริการถึง 10 หมวดหมู่หลัก Compute, Networking, Storage, Mobile, Databases, Web, Internet of Things (IoT), Big data, AI และ DevOps

หน้าตา Azure portal

การใช้ Azure ราคาแพงไหม

สำหรับการใช้งานบริการบน Azure ราคาแต่ละบริการจะคิดไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน และรูปแบบราคาต่างๆ ซึ่งเราสามารถคำนวณราคาก่อนใช้งานได้โดยใช้ Azure Pricing Calculators

https://azure.microsoft.com/en-us/pricing/calculator/

อยากลองเริ่มใช้งาน Azure ต้องทำอย่างไร

สามารถลงทะเบียนรับเครดิตใช้งาน 200$ ใช้ได้ 30 วัน

https://azure.microsoft.com/en-us/free/

และยังมีบาง บริการยอดฮิตที่เปิดให้ใช้ฟรี 12 เดือน

และอีกกว่า 40 บริการที่ฟรีไปตลอด

แต่หากน้องๆเป็นนักเรียน นักศึกษา สามารถนำอีเมลล์ของน้องๆที่ได้จากสถานศึกษามา activate กับ ได้รับเครดิต 100$/ปี และมีการรีเครดิตให้ใหม่ทุกปีอีกด้วย ข้อสำคัญคือ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตตอนสมัคร

Azure สำหรับนักเรียน นักศึกษา : https://azure.microsoft.com/en-us/free/students/

หากเพื่อนๆต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Azure สามารถไปตำกันต่อได้ที่

Microsoft Azure คืออะไร ?! – BorntoDev เริ่มต้นเรียน เขียนโปรแกรม ขั้นเทพ !

สร้างสรรค์เนื้อหาที่แสนจะเข้าใจง่ายโดย

🐲 Sirasit Boonklang (แอดเอฟ) - Tech & Coding Consultant @ borntoDev Co., Ltd.

Facebook | YouTube | Instagram | TikTok

Last updated

Was this helpful?